เมื่อวานไปส่งแขกต่างประเทศที่สนามบินมาครับ
สังเกตได้ชัดเจนมาก ว่า เวลาเข็นรถเข็นบนทางเชื่อมจากอาคารจอดรถและอาคารผู้โดยสาร จะมีเสียงดังกว่าปกติมาก
เสียงดังที่ว่า เกิดจากการสั่นของตัวรถเข็น และพื้นเหล็ก
เมื่อเข็นกระเป๋าขึ้นทางลาดเลื่อนอัตโนมัติระหว่างชั้นสามและสี่ ในอาคารผู้โดยสาร รถเข็นไม่สามารถล๊อกติดกับพื้นได้อีกแล้ว
มันเลื่อนลงมาเกือบทับผมเอง หากจับไม่ทัน ก็คงเลื่อนลงไปโดนภรรยาตั้งครรภ์ของผม ซึ่งน่าจะเกิดอันตรายได้
ซึ่งทั้งอาการสั่นเสียงดัง และรถเข็นเลื่อนตามทางเลื่อนลาด ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ผมเลยสอบถามพนักงานเก็บรถเข็น ก็ได้ความว่า
“สัญญากำลังจะเปลี่ยน ในอีกสามวัน ช่วงนี้บริษัทเลยไม่ซ่อมรถเข็นที่เสียแล้ว”
ผมมองไปรอบๆ เห็นรถเข็นที่ชาวต่างชาติใช้เข็นไปมา มีสภาพเสียงดัง และล้อหน้าเบี้ยวๆ อยู่เป็นจำนวนมาก
ผมเลยสอบถามกับพนักงานคนอื่นๆ ดู ได้ความอีกว่า
“เมื่อกี้ก็มีฝรั่งโดนรถเข็นไหลทับที่ทางลาดเลื่อนอัตโนมัติ โวยวายกันใหญ่เลย”
พนักงานท่านตอบแบบสีหน้ายิ้มๆ และเรียบๆ
“หลังๆ นี้เกิดบ่อยขึ้นใช่ไหม” ผมถามต่อ
“อีกสามวันก็เปลี่ยนบริษัทใหม่แล้ว เขาเลยไม่ยอมเอาไปซ่อม”
--------
คาดการณ์ได้ว่า เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเป็นปกติมาระยะนึงแล้ว และกลายเป็นเรื่องปกติกันไปแล้ว
อีกสามวัน ก่อนรถเข็นใหม่มา สนามบินแห่งชาติของเราจะมีคนมาใช้อีกหลายหมื่นคน
คงจะมีรถเข็นไหลมาทับนักท่องเที่ยวอีกวันละ 30-40 ครั้งต่อวัน
--------
เวลาเดินเข้าไปในสนามบิน ในหัวผม มันมีแต่คำว่า
- สัมปทานแบบไม่โปร่งใส
- บริหารงานแบบแยกส่วน ตัวใครตัวมัน
- การตัดสินใจแก้ปัญหาแบบไม่มีความรู้ และไม่เป็นวิทยาศาสตร์
ลอยอยู่ในหัว
ไปดูสนามบินต่างชาติเขา ก็ได้แต่อิจฉา
พอฟังผู้บริหารระดับสูงของการท่าฯ
ป่าวประกาศว่าจะทำสนามบินฯ เรา ให้ติดอันดับโลก
ผมก็ได้แต่หัวเราะในใจว่า
ถ้าไม่ยัดเงิน ชาตินี้ ไม่มีทางได้หรอกครับ
----------
สุดท้ายนี้
ก็ได้แต่ขอคุณพระศรีฯ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบรรดาลให้
อย่าให้ใครมาเป็นอันตรายจากอาคารสนามบินของเราด้วยเถิด…
และหากเขาเกิดบาดเจ็บ เป็นอันตราย
ก็ขอให้ การท่าอากาศยานไม่โดนฟ้องด้วยเถิด….
(เพราะถ้าโดนฟ้อง มันก็เงินพวกเรานั่นแล…)